คณิตศาสตร์กับศิลปะ



คณิตกับศิลปะ
                             คณิตศาสตร์เป็นวิชาที่ทุกคนมองภาพว่าเป็นวิชาที่เกี่ยวกับตัวเลขมีความยากและซับซ้อน  การเรียนต้องอาศัยความตั้งใจสูงและสิ่งที่ตามมาคือ  ความเครียด  ความวิตกกังวล  ตลอดจนความล้มเหลวทางการเรียนในที่สุด  ความรู้สึกและความคิดเหล่านี้เป็นสาเหตุให้ในปัจจุบันมีผู้ศึกษาในสาขาวิชาคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์มีน้อยลงจนขาดแคลน  ซึ่งเป็นปัญหาที่ต้องเร่งแก้ไขเป็นการด่วน  มิฉะนั้นแล้วประเทศไทยจะต้องเข้าสู่ภาวะที่ล้มเหลวทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่างแน่นอน  เพราะขาดบุคลากรทางด้านนี้นั่นเอง

                        แนวทางแก้ไขที่ทำได้คือ  การที่จะต้องทำให้นักเรียนเปลี่ยนความรู้สึกจากที่ว่าวิชาคณิตศาสตร์เป็นวิชาที่ยาก  เรียนแล้วเครียด  น่าเบื่อหน่าย  มาเป็น  วิชาคณิตศาสตร์เป็นวิชาที่เรียนแล้วสนุก  มีความน่าสนใจ  เป็นการผ่อนคลายความตรึงเครียด  และเป็นการสร้างจินตนาการทางการคิดที่กว้างไกล

                         ศิลปะถือว่าเป็นสิ่งหนึ่งที่สามารถดึงดูดความสนใจของนักเรียนให้มีความชอบที่จะเรียนมากขึ้น  เพราะศิลปะเป็นวิชาที่ไม่มีผิดไม่มีถูก  ทุกคนสามารถเรียนได้  และส่วนใหญ่ก็มีความชอบอยู่แล้วเป็นทุนเดิม  วิชาคณิตศาสตร์กับศิลปะมีความเกี่ยวข้องกันอย่างแยกไม่ออกเลยที่เดียว  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสาระเรขาคณิต  ซึ่งถือว่าเป็นพื้นฐานของศิลปะก็ว่าได้  ดังนั้นในการเรียนการสอนเนื้อหาวิชาคณิตศาสตร์ในส่วนของเรขาคณิตก็น่าจะใช้กิจกรรมเกี่ยวกับศิลปะที่เกิดจากเส้นตรง  มุม  ฯลฯ  มาให้นักเรียนได้ปฏิบัติในรูปแบบต่าง ๆ เช่น  วาดภาพ  ต่อรูป  โยงเส้น  ระบายสี  ฯลฯ

                        รูปแบบหนึ่งที่น่าสนใจและเป็นกิจกรรมที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์ความรู้ทางคณิตศาสตร์มาประกอบโดยอาศัยความประณีต  และความอดทนก็คือ  การทำทรงเรขาคณิต  ๓  มิติ  ในรูปแบบต่าง ๆ  โดยใช้เทคนิคการตัดกระดาษ  การพับกระดาษแล้วสอด (Origami)  เพื่อให้ได้ทรงเรขาคณิตในแบบต่าง ๆ  ผลงานที่ได้จะเป็นทรงเรขาคณิตรูปแบบต่าง ๆ  คือ ทรงสี่เหลี่ยม  ทรงสามเหลี่ยม  ทรงหลายเหลี่ยม ฯลฯ   ซึ่งชิ้นงานเหล่านี้มีรูปแบบและสีสันที่สวยงามแปลกตา  สามารถนำไปใช้เป็นอุปกรณ์การสอนสาระเรขาคณิต  สาระศิลปะ  ตลอดจนเป็นกิจกรรมเสริมให้กับนักเรียนในกิจกรรมชุมนุม  เพื่อให้นักเรียนได้ประดิษฐ์งานของนักเรียนเอง  ออกแบบชิ้นงานเอง  อันจะนำมาซึ่งความคิดสร้างสรรค์ที่หลากหลายและความสนุกสนานในการเรียนอีกด้วย

ที่มา: https://sites.google.com/site/loveant4444/khnit-kab-silpa

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น